ฟุตบอลโลก 2030 ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะมี 6 ชาติ จาก 3 ทวีป ที่รับบทเจ้าภาพร่วมเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปี ของการแข่งขัน

ภายใต้เงื่อนไขของข้อเสนอพิเศษที่มีการหารือในการประชุมฟีฟ่า ในวันพุธ สเปน, โปรตุเกส และ โมร็อกโก จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการ แต่ 3 เกมแรกจะจัดขึ้นใน อุรุกวัย, อาร์เจนตินา และ ปารากวัย เพื่อเป็นการยกย่องรากฐานของอเมริกาใต้

การเคลื่อนไหวนี้เป็นผลมาจากการเจรจาลับหลายเดือนระหว่างยูฟ่า และสหพันธ์อเมริกาใต้ และแอฟริกา ซึ่งบรรลุข้อตกลงก่อนที่จะยื่นข้อเสนอต่อฟีฟ่า เป็นที่เข้าใจว่าองค์กรปกครองโลกได้ให้การสนับสนุนหลักการต่อแนวคิดที่จะช่วยลดขั้นตอนการเสนอที่ยาวนาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่จะต้องมีการประทับตรายืนยันในการประชุมสภาฟีฟ่าในปีหน้า

สเปน, โปรตุเกส และ โมร็อกโก ถือเป็นชาติเต็งที่จะคว้าสิทธิ์เจ้าภาพในปี 2030 นับตั้งแต่ยืนยันข้อเสนอร่วมกันเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้แฟนบอลในอเมริกาใต้ต้องอกหัก

อุรุกวัย และ อาร์เจนตินา ได้ประกาศความตั้งใจที่จะจับมือกันในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครบรอบ 100 ปี เมื่อนานมาแล้วในปี 2017 ซึ่งเป็นข้อเสนอที่โรแมนติกเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากันในนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกที่ อุรุกวัย เป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ ในปี 1930 ซึ่งต่อมาก็มี ปารากวัย และ ชิลี เข้าร่วมด้วย

ซาอุดีอาระเบีย ยังได้พูดคุยกับ กรีซ และ อียิปต์ เมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอร่วมกัน แต่ ซาอุดีอาระเบีย กลับมุ่งความสนใจไปที่การจัดทัวร์นาเมนต์ในปี 2034 และระบุเมื่อต้นปีนี้ว่าพวกเขาจะถอนตัวจากการแข่งขันรอบก่อนหน้านั้น

ภายใต้ข้อเสนอที่ยื่นต่อ ฟีฟ่า เมื่อวันพุธ เกมแรกของทัวร์นาเมนต์ ปี 2030 จะจัดขึ้นที่มอนเตวิเดโอ เพื่อยกย่อง อุรุกวัย ในฐานะแชมป์และเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งแรก โดยเกมที่ 2 จะจัดขึ้นที่ อาร์เจนตินา

เกมที่ 3 จะย้ายไปเล่นที่ ปารากวัย เพื่อรับรู้ถึงตำแหน่งของประเทศในฐานะแหล่งกำเนิดของสหพันธ์อเมริกาใต้ คอมเมโบล แต่ ชิลี จะไม่ได้จัดการแข่งขันใดๆ โดยเกมที่เหลือทั้งหมดจะจัดขึ้นที่ สเปน, โปรตุเกส และ โมร็อกโก

จานนี่ อินฟานติโน่ ประธาน ฟีฟ่า ได้สนับสนุนข้อเสนออย่างเต็มที่เพื่อให้ปี 2030 เป็นฟุตบอลโลกที่หลากหลายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ต่อกรณีดังกล่าวทำให้ทั้ง 6 ชาติจะได้เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ โดยเหลืออีก 42 ประเทศที่ต้องผ่านรอบคัดเลือก จากทั้งหมด 48 ชาติที่จะเข้าแข่งขันทัวร์นาเมนต์